มีโอกาสได้ไปร่วมงานอบรมหลักสูตร นักธุรกิจรุ่นใหม่หัวใจพอเพียง รุ่นที่ 2 (Sufficiency Economy Enterprise Development) หรือ SEED2 ที่จัดขึ้นโดยหอการค้าไทย สำหรับประธานกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ หรือ YEC (Young Entrepreneur Chamber of Commerce) จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ ณ โรงแรม แกรนด์ไชน่า เยาวราช เมื่อสัปดาห์ก่อนค่ะ
ตลอดระยะเวลา 5 วัน ประธานกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ทุกท่านจะถูกเทรนด์อย่างเข้มข้นจากวิทยากรชั้นเยี่ยมของเมืองไทย เพื่อเปิดมุมมองและโลกทัศน์ในหลายๆ ด้าน พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพของตนเองและทักษะความเป็นผู้นำการบริหารการจัดการสมัยใหม่ เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้ ไปส่งต่อให้กับสมาชิก YEC ในจังหวัดของตนและพัฒนาท้องถิ่นบ้านเกิดให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของการอบรมในครั้งนี้ก็คือ การมุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแก่นักธุรกิจรุ่นใหม่ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการบริหารองค์กรต่างๆ
หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ถือเป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสแก่ชาวไทย นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2517 เป็นต้นมา ซึ่งถูกพูดถึงอย่างชัดเจนเมื่อปี พ.ศ.2540 เพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย และการพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงก็ถือเป็นการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจและการกระทำ
การเรียนรู้วิธีที่จะพัฒนาท้องถิ่นบ้านเกิดของตนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงผสานกับองค์ความรู้ทางธุรกิจด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การลงทุนในต่างประเทศ การบริหารบุคคล การตลาดในยุคดิจิตอล การจัดการห่วงโซ่อุปทานนวัตกรรมเชิงเกษตรสร้างสรรค์และอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจ รวมไปถึงการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ เพื่อให้จังหวัดของตนเจริญเติบโตได้อย่างยั่งยืนในวิถีของตนเอง จะทำให้กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่เหล่านี้สามารถกลับไปพัฒนาท้องถิ่นภูมิลำเนาของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลักสูตร SEED ในครั้งนี้เปรียบเสมือนการที่หอการค้าฯ ได้ทำการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ชั้นเยี่ยมให้กับทั้ง 77 จังหวัดเพื่อให้เติบโตเป็นต้นกล้าที่มีคุณภาพและเติบใหญ่เป็นสุดยอดนักรบเศรษฐกิจของประเทศ
สิ่งหนึ่งที่ดิฉันได้ยินประธานหอการค้าไทย คุณอิสระ ว่องกุศลกิจ กล่าวแก่กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) อยู่เสมอๆ นั่นก็คือ...
"อย่าถามว่าประเทศให้อะไรกับเรา ต้องถามว่า เราจะให้อะไรกับประเทศได้บ้าง"